Tuesday, April 15, 2008

เพียงแค่เปลี่ยนความคิด... ชีวิตก็เปลี่ยน

"...เพราะชีวิต คือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป มีสุขสม มีผิดหวัง หัวเราะ หรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน...อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิด สติเราให้ทัน อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ ดีที่สุด..." (บางตอนจากเพลง Live& Learn โดย คุณบอย โกสิยะพงษ์ ร้องโดย คุณป้า กมลา สุโกศล) ...อยากฟังเพลงเต็ม ๆ เชิญคลิกดาวน์โหลดตรงนี้ได้เลยขอรับ

Click

 


วันเสาร์ ที่ 5 เมษายน 2551 เวลา 07.10น. พวกเราออกเดินทางออกจากกรุงเทพ ฯ มุ่งหน้าสู่ที่หมาย ชัยพฤกษ์รีสอร์ต จังหวัดนครนายก ด้วยความหวังว่าจะทำ "สิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน..และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด" เหมือนเพลงของคุณบอย ที่ผมขโมยมาให้อ่านข้างต้น ...คาราวานนักล่าฝันในวันนั้น ซึ่งประกอบด้วยน้องอุ๋ย น้องปริน และน้องกิ่ง รวมถึงผม ซึ่งดูจะแก่ เก๋า ที่สุดในคณะเดินทาง รวมทั้งเป็นเจ้าของรถและพลขับ นำน้อง ๆ นักล่าฝันเดินทางออกจากกรุงเทพพร้อมกับผมด้วยความมุ่งมั่นว่า วันหนึ่งเราจะต้องทำฝันที่เราต่างมีอยู่ให้เป็นจริง

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับใครหลาย ๆ คน ที่วันพักผ่อนเสาร์อาทิตย์ ต้องเสียเวลาเดินทาง เสียเวลาเข้าห้องอบรมสัมนา วันที่หลาย ๆ คนควรเอาเวลาไปช็อปปิ้ง นอนดูทีวีอยู่บ้าน ไปเที่ยวกับแฟน ไปทำสังฆทาน ไปเตะบอล หรือแม้แต่ไปร่วมกับพันธมิตรประชาธิปไตย ขับไล่รัฐบาล ? (ประโยคแทรก...ไม่ทราบว่าประดาพันธมิตร ทำมาหากินอาชีพอะไรหรือขอรับ วัน ๆ เห็นแต่ด่าคนโน้นที คนนี้ที ไม่เห็นว่าคุณพี่จะมีเวลาไปทำมาหารับประทานมาเลี้ยงดูครอบครัวเลย รึว่า โคตรตระกูลรวย..ซึ่งดู ๆ แล้วก็ไม่น่าจะใช่)..  แต่ก็ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งยอมที่จะไม่เข้าร่วมกับพันธมิตร ฯ เพื่อร่วมกับพวกเรา หรือกับอีกหลาย ๆ กลุ่ม หลาย ๆ องค์กร ปูทาง สร้างความฝันของเขาเหล่านั้นให้เป็นจริง

งงละซิ ว่าพวกเรามาทำอะไรกัน รวมหัวกันทำแชร์รถเช่าอะเปล่า รึว่ารวมตัวกันค้ายาบ้า..เปล่าเลยครับ พวกเรามารวมตัวกันทำแชร์ข้าวสารต่างหาก...ล้อเล่น นะ..พวกเรามารวมตัวกัน "สร้างแรงบันดาลใจ" ครับ แรงบันดาลใจในการทำมาหากินกับอาชีพพิเศษ ส่วนจะเป็นอาชีพอะไรนั้น ผมคงไม่ยอมบอกง่าย ๆ หรอกครับ ขอเป็นความลับนิดนึง แต่ถ้าอยากรู้ต้องตื๊อหน่อยนะ แล้วจะบอกความลับให้ แต่ขอบอกเป็นนัยไว้นะครับ ผมไม่ได้ทำอาชีพ "ตื๊อ ง้อ ขอ ขาย" เด็ดขาด แล้วก็ผลประโยชน์ทางธุรกิจ ก็คงไม่ได้หรูหรา อู้ฟู่ ในระยะเริ่มแรก เหมือนบางธุรกิจ แต่บอกได้อย่างเดียวว่า ในระยะยาวแล้ว ดีมาก ๆ แล้วก็มั่นคงมาก ๆ ด้วย หากตั้งใจทำจริงจัง

คาราวาน "คนล่าฝัน" เดินทางมาถึงที่หมาย "ชลพฤกษ์รีสอร์ต" ซึ่งตั้งอยู่ที่กิโลเมตรที่ 63 ถนนสายรังสิต-นครนายก ตอน เก้าโมงเช้าพอดี หลังจัดแจงรายงานตัวว่าพวกเรามาพร้อมแล้ว พวกเราก็จัดการฉันอาหารเช้า ตามคำเชื้อเชิญของผู้จัด นัยว่า จ่ายพันห้า เอาให้คุ้ม ทั้งที่พัก อาหารห้ามื้อ แล้วก็การประชุมสัมนาที่พวกเราตะเกียกตะกายกันมาเอง

สักพัก ผู้ร่วมอุดมการณ์คนอื่น ๆ จากหลากหลายสาขา อาชีพ หลากหลายวัย แล้วก็...หลากหลายเพศ ? นับรวมแล้วก็ตกสองร้อยกว่าคน มากเอาการอยู่ก็เข้าพร้อมในห้องประชุม ซึ่งค่อนข้างแออัดพอสมควร 

กิจกรรมการสัมนาเริ่มต้นประมาณ 10.00 น.เศษ หลังจากเริ่มพิธีรีตรองเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เป็นเรื่องของกิจกรรมการละลายพฤติกรรม ก็เหมือน ๆ กับกิจกรรมนอกสถานที่ซึ่งนิยมจัดกันทั่วไป สนุกสนาน เฮฮา เปลี่ยนบรรยากาศ ก็ดีกว่านอนเล่นอยู่บ้านว่าง ๆ  หลังจากนั้นก็เป็นรายการให้ความรู้บ้าง สร้างความหวังกำลังใจบ้าง สลับกับกิจกรรมสนุกสนานเฮฮา เป็นห้วง ๆ  ซึ่งผมคงไม่นำมาสาธยายให้ทราบได้ทั้งหมด เพราะเดี๋ยวคนที่กำลังจะไปในรุ่นต่อ ๆ ไป จะไม่ตื่นเต้น

ยากครับ...กับการปรับความรู้สึกนึกคิด เพราะตลอดช่วงอายุขัย ผมถูกฝึกให้เกิดมาเป็นข้าราชการ เกิดมาเป็นลูกจ้างอย่างเดียว มาวันนี้ เราต้องการหลุดบ่วงเป็นลูกจ้าง เราต้องการค้นหาอิสระทางเวลา และการเงิน และที่สำคัญเราต้องการสร้างฐานะทางเศรษฐกิจที่แข็งแรงให้กับครอบครัวของเรา ให้กับคนที่เรารัก

เหนื่อยครับ...สำหรับตัวผมเอง แล้วก็คงอีกหลาย ๆ คน ที่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งในวันหยุด แทนที่จะมีโอกาสไปหาความสุขเหมือนกับคนอื่น ๆ เขา แล้วยิ่งไปกว่านั้น ...สำหรับตัวผมเองซึ่งหัวโขนค่อนข้างใหญ่ และประดับประดาด้วยเครื่องประดับเต็มหัวโขนไปหมด หนำซ้ำยังด้วยคุณวุฒิที่ตัวเองสู้อุตส่าห์สร้างขึ้นมามากมาย แต่วันนี้ มันไม่ได้เป็นเครื่องมือทำให้ปากท้องของครอบครัวอิ่มขึ้น  หรือมันไม่สามารถนำผมไปสู่ฝันของผมเองได้  ตรงกันข้าม...มันเป็นอุปสรรคเหมือนน้ำที่เต็มแก้ว ยากนักที่จะให้คนเอาน้ำมาเติมให้เต็มได้อีก                      

ผมจำต้องเทน้ำในแก้วออกให้หมด ทำตัวเหมือนแก้วไม่มีน้ำ...ผมอดทน ทั้ง ๆ ที่เป็นโรคปวดคอปวดหลังอย่างชนิดที่เคยล้มหมอนนอนเสื่อมาแล้วหลายครั้ง ...ผมอดทน  ทั้ง ๆ ที่ ตามปกติผมควรทำหน้าที่ครู ที่คอยสอน คอยให้คำแนะนำคนอื่น ๆ แต่วันนี้ผมต้องมาทำหน้าที่นักเรียน ผู้ซึ่งยังเป็นเหมือน "ละอ่อน" ในทางธุรกิจ ...ผมอดทน ทั้ง ๆ ที่บางครั้ง เนื้อหาที่บรรดาทีมงานตั้งใจนำมาให้ มันควรเป็นเนื้อหาที่ผมน่าจะเป็นผู้สอน มากกว่าผู้เรียน...

แต่วันนี้  วันที่ผมยังไม่แข็งแรงในแนวทางนี้ ผมจำต้องรู้บทบาทตัวเอง แน่นอน มันไม่ง่ายเลย ที่จะทำใจให้ได้ แต่สำหรับผมแล้ว ผมอยากจะทดลองอะไรบางอย่าง ผมจะทดสอบความอดทนและความจริงจังของผมอีกสักครั้ง ผมว่ามันไม่ง่ายนักหรอก แต่ผมเชื่อมั่นตัวผมเองว่าผมต้องทำได้ เพราะอย่างน้อยผมเคยผ่านประสบการณ์ในแบบที่ยากที่สุดในชีวิตมาแล้ว แต่ผมก็สามารถผ่านมันมาได้ ดังนั้น ผมจำเป็นต้องถอดรหัสความเป็นตัวตนออกให้หมด แล้วมาเริ่มนับหนึ่งใหม่ ตามแนวทางของคนที่เดินมาก่อนแล้วสำเร็จไปแล้ว แนะนำให้เดินตาม 

เหนื่อยนะครับ อยากจะหางานพิเศษทำ ในขณะที่งานในเวลาก็เหนื่อยเอาการอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมว่ามันเป็นโอกาสที่ได้เดินตามแนวทางที่เราวางไว้เพื่อไปสู่ความสำเร็จ มีไม่กี่คนหรอกครับ ที่สามารถฟันฝ่าอุปสรรค เป็นอุปสรรคที่ไม่ต้องไปเอาชนะคนอื่นหรอกครับ เพียงแค่ชนะตัวเอง เพียงแค่ต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง ซึ่งหากชนะได้แล้ว เชื่อมั่นเลยครับว่า เป้าหมายที่วางเอาไว้ คงสำเร็จลงได้ไม่ยาก แต่อย่างว่าแหละครับ เพราะคนสำเร็จในโลกนี้มีไม่มาก ไม่ใช่เพราะไม่เก่ง แต่เพราะขาดปัจจัยสำคัญบางอย่างที่จะนำมาสู่ความสำเร็จ นั่นก็คือ "หัวใจของคนชนะ"

การสัมนาในวันแรก ต้องพบกับอุปสรรคหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับสถานที่ ที่เราต้องไปนั่งทนร้อนรวมกันอยู่สองร้อยกว่าคน ในบรรยากาศ "ร้อน
โคตร" ของเดือนเมษาฯ เนื่องจากแอร์ในห้องสัมนาเกิดเสียขึ้นกระทันหัน ไม่สามารถรองรับกับปริมาณ "คนล่าฝัน" กว่า 200 คน ซึ่งเกินกว่าจำนวนที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับความเอาใจใส่ในการแก้ไขปัญหาของเจ้าของที่ ไม่ค่อยเป็นปลื้มเท่าที่ควรทำให้ประดาผู้จัดอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องกระเสือกกระสนหาที่พัก ที่สัมนาให้ใหม่ ด้วยเกรงว่า บรรดาผู้เข้าร่วมสัมนาจะเปลี่ยนใจ ไปเข้าร่วมกับพวกพันธมิตรประชาธิปไตยขับไล่รัฐบาล แล้วพาลล้มเลิกความฝัน หุนหันกลับบ้านเอาซะดื้อ ๆ

ทำให้ในเวลาต่อมา พวกเราต้องพากันอพยพย้ายถิ่น ซึ่งพวกเราก็พร้อมกันย้ายที่โดยไม่ลังเลโอ้เอ้ ตกประมาณ ห้าโมงเย็นกว่า ๆ พวกเราทุกคนก็มาพร้อมกัน ณ ที่สัมนาแห่งใหม่ นั่นคือที่ สีดารีสอร์ต ซึ่งโอ่โถงใหญ่โต ดูดีมีชาติตระกูลกว่าที่เก่าตั้งเยอะ 

การอบรมสัมนาในวันนั้น และวันรุ่งขึ้น เต็มไปด้วยความเข้มข้น จนคนอายุเลยหลักสี่อย่างผมต้องออกอาการ มันเป็นอาการของผู้สูงอายุแหละครับ คือปวดเมื่อยไปทั้งตัว   แต่ยังไงก็ตาม อย่างที่บอกแหละครับ ผมจะลองสู้ตายดูซักตั้ง เพราะอะไรเหรอครับ ก็เพราะผมแอบเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ กับการร่วมธุรกิจที่นี่แล้ว เป็นแสงสว่างที่เจิดจ้าเอามาก ๆ ซะด้วย แต่คนที่จะได้สัมผัสกับแสงสว่างนั้นมีไม่มากครับ เพราะอย่างที่บอกแหละครับ การอดทนเอาชนะตัวเองให้ได้ เป็นสุดยอดของกระบวนยุทธ ที่น้อยคนนักที่จะฝ่าฟันไปได้ แต่จากการสัมนาครั้งนี้ ผมเชื่อว่า มีคนจะได้สัมผัสกับแสงสว่างตรงปลายอุโมงค์เพิ่มมากขึ้นแน่ ๆ ...ผมเชื่ออย่างงั้น เพราะหลังจากสัมนาแล้ว โอกาสที่จะเกิดอาการ "Season Changed" มีโอกาสเป็นไปได้สูง...ชัวร์

อ้อ..เขียนมาตั้งนาน บางคนคงจะออกอาการสงสัยว่า มันทำธุรกิจอะไรของมันฟะ ไม่เห็นบอกให้รู้เลย...ก็ผมจะไปบอกทำไมหล่ะครับ ผมกลัวคุณ ๆ จะเจอแสงสว่างเหมือนผม หรือก่อนผม ...ผมหวงครับ แต่ถ้าอยากรู้จริง ๆ ว่าผมไปทำอะไรกัน เขียนอีแมว เอ๊ย อีเมล มาคุยกันซิครับ ที่นี่เลยครับ...cop41@hotmail.com


Quote of the Day:

Nothing is too high for a man to reach, but he must climb with care and confidence.
--Hans Christian Andersen

 

คำคมประจำวัน:

ไม่มีสิ่งใดสูงเกินเอื้อมของมนุษย์ แต่การได้มาซึ่งสิ่งสูงเกินเอื้อม มนุษย์ต้องใช้ความพยายามปีนป่ายเพื่อให้ได้มา ด้วยความระมัดระวังและความเชื่อมั่น

-ฮานส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน

รู้จักผมให้มากกว่านี้...ไปที่ http://www.dr-rak.com
แนะนำฟังเรื่องดี ๆ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า คลิกที่นี่เลยครับ Click